สำนวนไทยที่เกิดจากการกระทำ
1. ไกลปืนเที่ยง
ความหมาย ไม่รู้เรื่องอะไรเลย
ความเป็นมา “สมัยโบราณเราใช้กลองและฆ้องตีบอกเวลาทุ่มโมง
กลางวันใช้ฆ้อง จึงเรียกว่า”โมง” ตามเสียงฆ้อง
กลางคืนใช้กลองจึงเรียก “ทุ่ม” ตามเสียงกลอง ตามพระนครมีหอกลองตั้งกลางเมือง สำหรับตีบอกเวลา
มีมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาจนถึงสมัยรัตนโกสินทร์ ถึงรัชกาลที่5 ปี พ.ศ. 2430มีการยิงปืนใหญ่ตอนกลางวันบอกเวลาเที่ยง
ปืนเที่ยงนี้ยิงในพระนคร จึงได้ยิงกันแต่ประชาชนที่อยู่ในพระนครในบริเวณที่อยู่ใกล้เคียงกับที่ตั้งปืน
ถ้าห่างออกไปมากก็จะไม่ได้ยิน ดังนั้นเกิดคำว่า ไกลปืนเที่ยง
ซึ่งหมายความว่าอยู่ไกลปืนเที่ยง
เป็นสำนวนใช้หมายความว่าไม่รู้ไม่ทราบเรื่องอะไรที่คนอื่นในพระนครเขารู้กัน
เลยใช้ตลอดไปถึงว่าเป็นคนบ้านนอกคอกนา งุ่มง่าม ไม่ทันสมัยเหมือนชาวพระนคร”
2. ข่มเขาโคให้กินหญ้า
ความหมาย ใช้กับโค
หมายถึงจับเขาโคกดลงให้กินหญ้าหรือบังคับให้กิน
เอาใช้กับคนหมายความว่าบังคับขืนใจให้ทำ สำนวนนี้พูดได้อีกอย่างหนึ่งว่า
งัวไม่กินหญ้า อย่าข่มเขา
ตัวอย่าง
“จะจัดแจงแต่งตามอารมณ์ เหมือนข่มเขาโคขืนให้กินหญ้า
กลัวเกลือกทั้งเจ็ดธิดา
มันจะไม่เสน่ห์ก็ไม่รู้”
สังข์ทอง พระราชนิพนธ์ รัชกาลที่ 2
3. คนล้มอย่าข้าม
ความหมาย อย่าดูถูกคนที่ล้มเหลวในชีวิต
ความเป็นมา สำนวนนี้มักมีคำต่ออีกว่า
ไม้ล้มจึงข้าม แปลว่าคนดีที่ต้องตกต่ำยากจนหรือหมดอำนาจ
เนื่องจากชีวิตผันแปรเปลี่ยนแปลงไป ไม่ควรจะลบหลู่ดูถูกเพราะคนดีอาจเฟื่องฟูอีกได้
ผิดกับที่ล้มแล้วข้ามได้
4. คลื่นกระทบฝั่ง
ความหมาย เรื่องสำคัญที่เกิดขึ้น
ดูท่าทางจะเป็นเรื่องไปใหญ่โต แต่แล้วก็เงียบหายไปเฉยๆ เราพูดกันเป็นสำนวนว่า
คลื่นกระทบฝั่ง หรือว่า คลื่นหายไปกับฝั่ง ก็ได้
“อันคลื่นใหญ่ในมหาชลาสินธุ์ เข้าฝั่งสิ้นสาดเข้าไปที่ในฝั่ง”
เพลงยาวเจ้าอิศรญาณ
5. คลุกคลีตีโมง
ความหมาย อยู่ร่วมกันคลุกคลีพัวพันไปด้วยกัน
ความเป็นมา คำว่า “ ตีโมง” หมายถึง ตีฆ้อง
การเล่นของไทยในสมัยโบราณมักจะตีฆ้องกับกลองเป็นสิ่งสำคัญ เช่น โมงครุม ระเบ็ง ฯลฯ
ซึ่งมีมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ในบุณโณวาทคำฉันท์ว่า “โมงครุ่มคณาชายกลเพศพึงแสยง ทับทรวงสริ้นแผง ก็ตะกูลตะโกดำ เทริดใส่บ่
ใคร่ยล ก็ละลนละลานทำ กุมสีทวารำศรับ บทร้องดำเนินวง ”
ตัวอย่าง
“สรวมเทริดโมงครุ่มแพร้ว
ทองพราย พร่างนอ
ทายเทอดสรประลอง หน่วงน้าว
คนฆ้องเฆาะฆ้องราย
โหมงโหม่ง โม่งแฮ
กาลเทรดขรรค์ข้องท้าว นกยูง”
โคลงแห่โสกัญต์
6. ควักกระเป๋า
ความหมาย ต้องเสียเงิน
ต้องจ่ายเงินจะเป็นเงินจากกระเป๋าเราเอง หรือจากกระเป๋าคนอื่นก็ได้
ไว้ได้ทั้งสองทาง
ความเป็นมา การหยิบเงินออกจากประเป๋า
ตัวอย่าง
“การใช้ฝรั่งจึงเป็นการสะดวก เพราะใช่แต่ว่าเขาได้ช่วยให้เราไม่ต้องทำงานด้วยกำลัง
ทั้งเขายังได้ปลดเปลื้องความลำบากของเราในการที่ต้องคิดอีกด้วย
เราเป็นแต่ควักกระเป๋าฝรั่งเขาจัดการเสร็จ”
โคลงติดล้อของอัศวพาหุ
“ วิธีที่จะเรี่ยไรให้ได้เงินมากต้องให้ออกกันตามมีตามจน
ซึ่งแปลว่าจะควักกระเป๋าคนมั่งมีได้ และยกเว้นไม่ต้องควักกระเป๋าคนจน”
เรื่องที่เสียของครูเทพ
ความเป็นมา สมัยโบราณเราทำนาเป็นอาชีพสำคัญ
การทำนานั้นตามธรรมดานั้น ต้องทำบนพื้นดินนั้น ใครมีอาชีพหาประโยชน์
โดยอาศัยเบียดเบียนเอาผลจากน้ำพักน้ำแรงจึงเอาการทำนา
ซึ่งเป็นอาชีพสำคัญมาเปรียบเท่ากับว่าไม่ได้หากินบนพื้นที่นาเหมือนที่คนทั้งหลายทำกัน
แต่ว่าเป็นการหากินบนหลังคนพูดเป็นสำนวนว่า “ทำนาบนหลังคน” เช่นซื้อข้าวจากชาวนาด้วยราคาถูกแล้วมาขายเอากำไรแพง
หรือให้กู้เงินเอาดอกเบี้ยแพง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น